Smart Farm วัสดุอุปกรณ์การเกษตรชิ้นใหม่บนของเกษตรกร

Smart Farm วัสดุอุปกรณ์การเกษตรชิ้นใหม่บนของเกษตรกร

Smart Farm วัสดุอุปกรณ์การเกษตรชิ้นใหม่บนของเกษตรกร

ถ้าหากจะถามกันว่า ผู้นำทางด้านการผลิตอาหารในระดับโลกนั้น ชื่อของประเทศไทยจะต้องติดอยู่ในอันดับต้นๆของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าหากมาดู GDP ของประเทศไทยนั้น รายได้จากการส่งออกทั้งภาคผลิตผลทางการเกษตรและวัสดุอุปกรณ์การเกษตรนั้น นับเป็นตัวเลขเพียง 10 เปอร์เซ็นของรายได้รวมทั้งหมดของประเทศ เนื่องมาจากประเทศไทยนั้น พึ่งพาการส่งออกในแนวทางของวัตถุดิบเป็นหลัก  ราคาของสินค้าการเกษตรของเรานั้น จะขึ้นอยู่กับกลไกราคาในตลาดโลกตามอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งผลผลิตของประเทศไทยส่วนมากจะเป็นพืชเชิงเดี่ยวที่ผลิตออกมาซ้ำๆในแต่ละปี และคู่แข่งในตลาดโลกยังมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในช่วงที่วัตถุดิบล้นตลาดนั้น ราคาของสินค้าการเกษตรของเราที่ส่งออกไปยังตลาดโลกจะถูกกดราคาให้ต่ำลงโดยพ่อค้าคนกลาง

Smart Farm จึงเป็นทางออกของเกษตรกรชาวไทยในการทำการเกษตรในยุคใหม่ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นวัสดุอุปกรณ์การเกษตรอีกรูปแบบก็ว่าได้ เป็นการนำเทคโนโลยีในด้านต่างๆ มาใช้ในการทำการเกษตร หรือที่เรียกกันว่า Smart Farming

เทคโนโลยีดิจิทัล คือคำตอบ

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้งานเพื่อเป็นวัสดุอุปกรณ์การเกษตร จะช่วยให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากการทำการเกษตรแบบดั้งเดิม ไปสู่การทำการเกษตรแบบอัจฉริยะ โดยเห็นได้ชัดจากการใช้งานเครื่องจักรกลทางการเกษตรเข้ามาช่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถไถพรวน การหว่านแปลงนา ขึ้นแปลงปลูก ใส่ปุ๋ย พ่นยาฆ่าแมลง ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว และเทคโนโลยี Post Harvest เหล่านี้นั้น การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเกี่ยวข้อง จะช่วยให้มีการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้ทั้งสิ้น

ในขณะเดียวกัน การแปรรูปสินค้าทางการเกษตรนั้น คงจะใช้วิธีการแบบเดิมๆคงจะไม่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งควรจะมองถึงความต้องการของฝ่ายทางลูกค้าเป็นหลัก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้น เปลี่ยนไปจากเดิมมาก  การที่ทำอะไรแบบเดีมๆ และไม่ปรับตัวนั้น ปัญหาก็จะออกมาแบบเดิมคือผลผลิตที่นำออกมาขายนั้นมีราคาที่ตกต่ำและวนลูปอย่างไม่รู้จบ

Smart Farm วัสดุอุปกรณ์การเกษตรชิ้นใหม่บนของเกษตรกร

จากแบบเก่าสู่แบบใหม่

ซึ่งการปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิถีทางการเกษตรนั้น ยอมรับกันเลยว่าไม่ใช่หนทางที่กระทำได้โดยง่าย แต่เป็นวิธีที่ “ต้องทำ”โดยหลีกเลี่ยงเสียไม่ได้ ซึ่งสามารถจะทำได้หลายแบบ เช่น การทำการตลาดในรูปแบบออนไลน์ แตกต่างจากแบบเดิมที่เรามหน้าร้านเอง หรือรอพ่อค้าคนกลางมารับไปขายทำกำไรอีกที แต่ถ้าหากเปลี่ยนมาเป็นทำตลาดในรูปแบบออนไลน์นั้น เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพ่อค้าคนกลางอีกต่อไป และยังมีอำนาจต่อรองและสามารถกำหนดราคาได้เอง สามารถสื่อสารและซื้อขายได้โดยตรงกับลูกค้าทั่วโลกได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี

 

 

 

 

 

 

Recommended Articles