5 หลักการ ที่ควรรู้ก่อนลงทุนฟาร์มวัว
ในการจะเริ่มเข้าสู่เส้นทางปศุสัตว์หรือการทำธุรกิจลงทุนฟาร์มวัวนั้นผู้ที่ต้องการเริ่มหรือเกษตรกรมือใหม่ จำเป็นต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเพื่อใช้ในการวางแผนสำหรับสิ่งต่างๆ เนื่องจากการจะเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้เป็นธุระกิจ มีกระบวนการรายละเอียดที่ต้องใช้ทุนและแรงลงไปเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผลลัพธ์ของการเลี้ยงประสบความสำเร็จรวมถึงผลผลิตที่ออกมาสามารถเก็บเกี่ยวกลับคืนให้กับผู้ที่ได้ทุนไป อย่างคุ้มค่าตามแบบที่ควรจะเป็น
สำหรับการลงทุนฟาร์มวัวนั้นเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วทั้งมือเก่าและมือใหม่ ว่าเป็นอาชีพที่ต้องมีทุนสำรองพอสมควร ด้วยเหตุนี้จึงต้องทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังมากที่สุด และสำหรับมือใหม่ที่ต้องการลงทุน ฟาร์มวัว ควรเริ่มต้นด้วยแนวทางดังต่อไปนี้
- สำรวจราคาและคำนวนต้นทุนให้เป็น
ในการจะเลือกซื้อวัวเพื่อมาขุนสำหรับขายเนื้อนั้นเกษตรจำเป็นต้องคำนวนราคาลูกวัวก่อนซื้อ ราคาต้นทุนการเลี้ยงดู และสำรวจราคาเมื่อต้องขายออกไป อาทิเช่นหากวัวอายุ 4 เดือน ขายได้ 40,000 บาท ค่าอาหารอยู่ที่ 10,000 บาท เกษตรจึงควรที่จะเลือกซื้อวัวที่จะนำมาเลี้ยงในราคาไม่เกิน 23,000 บาทเพื่อให้ได้กำไรกลับคืนมา นอกจากนี้เกษตรกรจำเป็นต้องรู้ราคาขายเนื้อต่อกิโลกรัมให้ใกล้เคียงมากที่สุด เพื่อคำนวนระยะเวลาในการขุนก่อนขายออก เช่น หากซื้อวัวน้ำหนัก 250 กิโลกรัมมา ต้องคำนวนระยะเวลาที่จะขุนให้มีน้ำหนัก 500 กิโลกรัม พร้อมกับบวกลบต้นทุนค่าอาหารและอื่นๆในการดูแล หากคำนวนแล้ว ยังมีกำไร จึงค่อยซื้อมา อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงตัวอย่างการคำนวนง่ายๆเท่านั้น เกษตรจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมตามหลักเศรษฐศาสตร์ เพื่อให้ไกล้เคียงกับราคาจริงในท้องตลาดมากที่สุดนั่นเอง
- หาสายพันธุ์ที่คุ้มค่า
ในแวดวงปศุสัตว์ของประเทศไทยนั้นมีการเลี้ยงวัวอยู่หลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน แต่จากคำแนะนำของผู้มีประสบการณ์นั้น สายพันธุ์ลูกผสมจะเลี้ยงง่ายและให้น้ำหนักดี โดยปัจจุบันสายพันธุ์ที่เกษตรกรมือใหม่ทุนน้อยนิยมเลี้ยงกันได้แก่ ลูกผสมบราห์มันและลูกผสมชาโรเลส์นั่นเอง
3.รู้จักเปรียบเทียบสายพันธุ์
หากต้องการสายพันธุ์อื่นๆเพิ่มเติมผู้เลี้ยงควรศึกษาเปรียบเทียบรายละเอียดขุดแข็งจุอ่อนต่างๆ เช่นอาหาร อัตราการเจริญเติบโต ความเสี่ยงของโรครวมถึงความเหมาะสมกับพื้นที่ที่เลี้ยง สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้สามารถหาวัวสายพันธุ์ที่ดีและเหมาะสมมาเลี้ยงเพิ่มได้รวมไปถึงช่วยลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนเมื่อต้องขายออกไป
- หาแนวทางลดต้นทุนและเพิ่มรายได้
เกษตรกรควรเลือกที่จะผลิตอาหารสัตว์จากพืชหรือวัสดุจากธรรมชาติที่มีอยู่รวมถึงหาพื้นที่สำหรับปลูกพืชหรือหญ้าที่เป็นอาหารสัตว์ได้ ก็จะเป็นการลดต้นทุนค่าอาหารไปได้มาก นอกจากนี้ควรรู้จักทดลองปรับเปลี่ยนอาหารเปรียบเทียบน้ำหนัก และอัตราการเจริญเติบโต เพื่อให้สามารถขายออกได้ในระยะเวลาที่น้อยลงแต่มีผลกำไรเท่าเดิมหรือมากขึ้นนั่นเอง ในส่วนของการเพิ่มรายได้นั้น มูลวัวที่มีควรมาทำเป็นปุ๋ยคอกหรือผสมกับดินเพื่อขายออกให้กับเกษตรกรและผู้ที่ต้องการ นอกจากนี้หากมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ สามารถใช้ปลูกผักหรือผลไม้ประเภทอื่นๆ เพื่อเก็บผลผลิตขายในช่วงระหว่างรอรอวัวโต ถึงแม้จะไม่มากเท่าไร แต่ก็เป็นการช่วยเพิ่มรายรับอีกหนึ่งทาง ทั้งนี้ถือว่าเป็นการใช้เวลาและพื้นว่างๆให้เกิดประโยชน์ได้เป็นอย่างดี
- รู้จักตลาด
เกษตรกรควรมีความรู้ทางกลไกของตลาดก่อนขายวัวออกไป เพื่อไม่ให้ถูกกดราคา และมีผลกำไรอย่างที่ควรจะเป็น รู้จักสำรวจราคาในแต่ละพื้นที่และแต่ละเจ้าที่รับซื้อ อีกทั้งหัดเปรียบเทียบราคาของวัวแต่ละสายพันธุ์เพื่อใช้ประกอบแนวทางการเลือกเลี้ยง นอกจากนี้การขายออกให้ถูกช่วงเวลาและความต้องการของตลาดก็ยังสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าของวัวที่จะขายอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ คือ 5 หลักแนวทางปฏิบัติพื้นฐานที่ควรรู้ก่อนลงทุนฟาร์มวัว อย่างไรก็ตามการจะลงมือทำอย่างจริงจังนั้น ผู้ที่สนใจควรหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาผู้มีประสบการณ์เพื่อขอคำแนะนำ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สิ่งที่ลงทุนทำไม่ไม่เสียเปล่าและเกิดประโยชน์กลับคืนมาอย่างสูงสุดนั่นเอง