สุขภาพดีได้ ประหยัดด้วย กับการปลูกผักในกล่องโฟม 

สุขภาพดีได้ ประหยัดด้วย กับการปลูกผักในกล่องโฟม 

สุขภาพดีได้ ประหยัดด้วย กับการปลูกผักในกล่องโฟม 

สุขภาพดีได้ ประหยัดด้วย กับการปลูกผักในกล่องโฟม  เนื่องจาก ปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้คนมากมาย เป็นจะต้องแบกรับและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรวมไปถึงต้นทุนในการดำรงชีพ ที่สูงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด  อีกทั้งการซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารนั้น ก็ ไม่เพียงแต่จะมีราคาแพง แต่ยังเสี่ยงที่จะต้องพบเจอกับปัญหาเรื่องสารปนเปื้อนที่มากับผักซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ด้วยเหตุนี้ การปลูกผักในกล่องโฟมหรือการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์นั้น  จึงเริ่มกลายมาเป็นอีกหนึ่งแนวทางการปลูกผัก ที่ได้รับความนิยมจากผู้คนในสังคมเมืองเป็นอย่างมาก

เนื่องจากการปลูกผักเพื่อรับประทานเองนั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายในแต่ละมื้ออาหารได้เป็นอย่างมากเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถรับประทานอาหาร ที่มาจากผักปลูกเองได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารปนเปื้อนอีกต่อไป  อีกทั้ง วิธีการปลูกผักในกล่องโฟมนี้ ยังเป็นวิธีการปลูกผักที่ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากมาย ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับกับผู้คนที่มีที่อยู่อาศัยภายในพื้นที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นคอนโด ห้องเช่า หรืออพาร์ทเม้นท์ จึงเรียกได้ว่า การปลูกผักในกล่องโฟม ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทาง ที่สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้คนในสังคมเมือง ที่กำลังมองหาทางเลือกดีๆเพื่อสุขภาพและประหยัดต้นทุนค่าครองชีพได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ทั้งนี้สำหรับผู้อ่านคนไหน ที่กำลังเริ่มสนใจอยากจะลองปลูกผักรับประทานเอง แต่อาจจะยังไม่ทราบแนวทางและวิธีการปลูกผักในกล่องโฟมที่ถูกต้องแล้วก็ ในวันนี้เราจะมาเอาใจผู้คนในสังคมเมือง ที่มีพื้นที่จำกัด แต่ต้องการปลูกผักเพื่อรับประทานเอง ด้วยการแนะนำแนวทาง แล้ววิธีการปลูกผัก ในกล่องโฟม ที่สามารถทำได้ง่ายๆด้วยตนเองกัน ซึ่งจะทำอย่างไรนั้น เรามาดูกันเลย

 

 

แนะนำแนวทางและวิธีการ ปลูกผักในกล่องโฟมแบบง่ายๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง

  • ในขั้นตอนแรกให้เริ่มต้นด้วยการนำเมล็ดของผัก ที่จะปลูก มาเพาะกับวัสดุฟองน้ำ โดยจะต้องแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 5-7 วันเพื่อให้เมล็ดงอกขึ้นมาเป็นต้นกล้า
  • คอยสังเกตว่า เมื่อเห็นเมล็ดพันธุ์ที่แช่น้ำไว้ เริ่มงอกออกมาจนกลายเป็นต้นกล้าแล้ว ให้เริ่มเตรียมกล่องโฟมสำหรับเพาะปลูก
  • สำหรับขนาดของกล่องโฟมที่เหมาะสม กับการปลูกผักนั้น ขนาดควรจะอยู่ที่ประมาณ 60×60 เซนติเมตร
  • เมื่อได้กล่องโฟมมาแล้ว ให้นำกล่องโฟมมาทำการเจาะรูเอาไว้ สำหรับการใช้วางถ้วยปลูก โดยแต่ละรูนั้นควรจะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 30-40 mm ซึ่งในขั้นตอนนี้สามารถทำได้ด้วยการใช้ สว่านหรือ หรือท่อ PVC ให้เป็นลักษณะวงกลม แล้วเว้นระยะห่างของแต่ละรูให้มีระยะประมาณ 10 เซนติเมตร
  • เมื่อเตรียมกล่องโฟมและทำการเจาะรูจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ให้เริ่มทำการผสมน้ำและปุ๋ยลงไปตามสูตรที่ต้องการ ก่อนจะนำถ้วยสำหรับปลูกมาใส่ไว้ภายในรูที่ได้เจาะลงไปบนกล่องโฟมก่อนหน้านี้
  • นำต้นกล้าที่เตรียมไว้ก่อนหน้ามาใส่ลงในถ้วยปลูกที่วางไว้ในรูบนกล่องโฟม เอาต้นกล้าที่เพาะแล้วมาใส่ในถ้วยปลูก
  • ในระหว่างนี้ควรจะต้องดูแลระดับของน้ำให้สูงจนถึงบริเวณตำแหน่งของก้นถ้วยปลูกอยู่เสมอ
  • ในส่วนของการเก็บเกี่ยวนั้น ผู้ปลูกสามารถเก็บผลผลิตที่เพาะปลูกเอาไว้ได้ เมื่อต้นผักมีอายุประมาณ 1 เดือนถึง 1 เดือนครึ่งนั่นเอง

 

 

ข้อดีของวิธีปลูกผัก ในกล่องโฟม

ข้อดีของการปลูกผักในกล่องโฟมนั้น นอกเหนือจากที่จะช่วยให้สามารถปลูกผักกินเอง ภายในคอนโด หรือพื้นที่ที่จำกัดได้เป็นอย่างดีแล้ว ในความเป็นจริง วิธีการปลูกผักในกล่องโฟมนั้น ยังมีข้อดี มากกว่าการปลูกผักรูปแบบอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในวันนี้ แล้วได้ทำการรวบรวมข้อดีของวิธีการปลูกผักในกล่องโฟมมาให้ผู้อ่านได้รับทราบกัน

  1. การปลูกผักในกล่องโฟมด้วยวิธีการไฮโดรโปนิกส์หรือการปลูกผักแบบไร้ดินนั้น จะช่วยให้สามารถเก็บผลผลิตได้อย่างรวดเร็วและมากกว่าการปลูกผักแบบปกติทั่วไป
  2. สามารถคำนวณและกำหนดระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างแน่นอนมากกว่าการปลูกผักบนพื้นดิน
  3. คุณภาพของผักที่ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์จะดีกว่าผักที่ปลูกด้วยวิธีการอื่นๆ
  4. สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมต่างๆในระหว่างการปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยวได้ง่ายมากกว่าวิธีการปลูกผักในรูปแบบอื่นๆ
  5. มีอัตราการเกิดโรคและความเสี่ยงที่จะเจอกับวัชพืช น้อยกว่าการปลูกผักบนดิน
  6. สามารถปลูกพืชในระยะที่ชิดกันได้มากกว่าการปลูกผักบนดินโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการแย่งสารอาหารกัน
  7. สามารถดูแลและกำจัดวัชพืชได้ง่าย
  8. เป็นวิธีการปลูกพืชที่ช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่าการปลูกพืชวิธีอื่นๆ

 

 

 

 

 


สุขภาพดีได้ ประหยัดด้วย กับการปลูกผักในกล่องโฟม 

Recommended Articles