สารกำจัดวัชพืชสารกำจัดวัชพืช

สารกำจัดวัชพืชสารกำจัดวัชพืช

สารกำจัดวัชพืชสารกำจัดวัชพืช

 

            ต้องยอมรับว่าศัตรูตัวฉกาจของเกษตรกร คงจะหนีไม่พ้นวัชพืชชนิดต่างๆ ที่คอยขึ้นมาในนาข้าวหรือขึ้นมาตามแหล่งเพาะปลูกของบรรดาเกษตรกร เลยทำให้กลายเป็นปัญหาใหญ่อย่างมากที่เกิดขึ้นกับผลผลิตต่างๆ ซึ่งความรุนแรงนั้นก็แตกต่างกันออกไปบางที่อาจจะต้องเสียผลผลิตไปทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเลยมีการคิดค้นสารกำจัดวัชพืชขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยสำคัญของเกษตรกร

            สารกำจัดวัชพืชหรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อของ “ยาฆ่าหญ้า” มีการใช้อย่างแพร่หลายกันทั่วทั้งโลกและโดยเฉพาะในประเทศไทย ที่บรรดาเกษตรกรต่างเลือกสารกำจัดวัชพืชเป็นตัวเลือกต้นๆ ในการเป็นตัวช่วยจัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ต้องการ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้จะมีการแบ่งออกเป็น 2 อย่างคือ สารเคมีที่เข้าไปทำลายโดยตรงกับยับยั้งการเจริญเติบโต ประเภทที่ทำลายอย่างเช่น 2,4-D โดยจะออกฤทธิ์กับพืชใบกว้างเป็นหลัก และแบบไม่ทำลายอาทิเช่น ไกลโฟเสต และ พาราคว๊อท โดยทั้ง 2 ประเภทนี้จะเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตแต่จะไม่ทำลาย

            การจำแนกสารกำจัดวัชพืชจะจำแนกตามการออกฤทธิ์ แบ่งตามการใช้งาน เช่นบางประเภทเมื่อใช้งานแล้วบรรดาวัชพืชอาจจะดูดซึมเข้าทางรากที่อยู่ในพื้นดิน แต่บางประเภทอาจจะออกฤทธิ์ทันทีหลังจากที่โดนใบวัชพืชเหล่านั้น แล้วก็เลือกแบ่งตามลักษณะของการทำลายกับไม่ทำลายวัชพืช, แบ่งตามลักษณะการใช้งาน (สัมผัสหรือดูดซึม) และสุดท้ายคือแบ่งตามช่วงเวลาการใช้ บางประเภทอาจจะต้องใช้ก่อนที่วัชพืชจะเติบโต แต่บางประเภทอาจจะใช้งานหลังจากที่เกิดวัชพืชขึ้นมาแล้ว

สารกำจัดวัชพืชสารกำจัดวัชพืช

            สำหรับสารกำจัดวัชพืชที่นิยมใช้กันมากในประเทศไทยจะมีอยู่หลายแบบด้วยกัน แต่ที่นิยมกันมากจะมีอยู่ 3 แบบด้วยกัน อย่างแรกคือ พาราคว็อท (Paraquat) – โดยยาประเภทนี้เป็นสารเคมีที่บรรดาเกษตรกรนิยมใช้กันมากที่สุดในประเทศไทย โดยจะเข้าไปทำหยุดการยับยั้งการเจริญเติบโตของวัชพืช โดยจะทำให้เนื้อเยื่อเซลล์ของวัชพืชค่อยๆ ตายลง และไม่สามารถเจริญเติบโตได้อีก

         ไกลโฟเสต – ยากำจัดวัชพืชที่ใช้พ่นเป็นหลัก โดยเมื่อยาสัมผัสกับใบ ใบของวัชพืชจะทำการดูดซึมซับเข้าไป จากนั้นยาจะเข้าไปหยุดการเจริญเติบโตของวัชพืช ส่วนอีกแบบคือการฉีดเข้าลำต้นโดยตรง และบางครั้งอาจจะหยอดก็แล้วแต่ความถนัดและสะดวกของเกษตรกร, 3. 2,4 – D เป็นฮอร์โมนพืช หากใช้ในปริมาณที่น้อยจะเป็นการไปกระตุ้นการเติบโตของพืช แต่หากใช้ในปริมาณที่มากจะเป็นการเข้าไปทำลายการเจริญเติบ โดยพืชที่เป็นประเภทใบเลี้ยงคู่จะตอบสนองกับตัวยาได้ดีกว่าพืชใบเลี้ยงเดี่ยว

            อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าในปัจจุบันสารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชกลายเป็นปัญหาสำคัญสำหรับเกษตรกร ที่หลายๆ ครั้งเกิดสารเคมีตกค้างในผลผลิต จนทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพของผู้บริโภคตามมา จึงทำให้มีการนำบรรดาภูมิปัญญาชาวบ้านเข้ามาเริ่มใช้ในการกำจัดศัตรูพืชเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ปัจจุบันมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังมีบางครั้งที่นำสารเคมีเข้ามาใช้อยู่เช่นเดิม

 

 

 

 

Recommended Articles