มะละกอ สามารถเพาะได้ง่ายๆ ให้ผลผลิตไว

มะละกอ สามารถเพาะได้ง่ายๆ ให้ผลผลิตไว

มะละกอ สามารถเพาะได้ง่ายๆ ให้ผลผลิตไว

อีกหนึ่งพืชผลทางการเกษตรที่อยู่คู่สังคมไทย เป็นที่รู้จักกันอย่างดีและแพร่หลายทั่วทั้งประเทศนั่นก็คือพืชผลที่มีชื่อเรียกว่า มะละกอนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันนั้น จัดอยู่ในกลุ่มพืชผลทางการเกษตรที่มีแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคในตลาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ผลดิบสามารถนำมาประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย รวมไปถึงผลสุกก็สามารถรับประทานได้อีกเช่นกัน จัดเป็นอีกหนึ่งพืชผลทางการเกษตรที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้เพาะปลูกได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้มะละกอยังเป็นผลไม้ที่สามารถออกผลผลิตให้เก็บได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย นับว่าผลไม้ชนิดนี้ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ อยู่คู่กับความต้องการบริโภคของตลาดภายในประเทศไทย อย่างยาวนานเสมอมา

สำหรับเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจต้องการปลูกผลไม้ชนิดนี้ กลุ่มเกษตรกรที่เริ่มทำมาก่อนแล้วมีประสบการณ์ ได้ให้คำแนะนำถึงวิธีการว่าควรเริ่มจากการเพาะพันธุ์ต้นกล้าหรือการเพาะเมล็ดมะละกอเสียก่อน ทั้งนี้ในประเทศไทย มะละกอทุกสายพันธุ์สามารถใช้วิธีเดียวกันในการเพาะพันธุ์ให้เกิดรากงอกและเจริญเติบโตได้ โดยกลุ่มเกษตรกรผู้มีความรู้และประสบการณ์ ได้ให้แนวทางสำหรับการเพาะเมล็ดมะละกอเอาไว้ดังนี้

เมล็ดพันธุ์มะละกอ

ควรเก็บหรือได้มาจากผลของมะละกอที่แก่หรือสุกเต็มที่แล้ว ในกรณีที่ต้องการผลผลิตสูง ควรมองหาเมล็ดจากผลในต้นมะละกอเพศกะเทย จากนั้นนำไปล้างน้ำล้างเนื้อเยื่อต่างๆที่ติดมากับเมล็ดออกให้สะอาด  ทั้งนี้หากต้องการเก็บเมล็ดพันธุ์เอาไว้ใช้นานๆ ควรนำไปตากแดดให้แห้ง ประมาณ 1 – 2  วันก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเมล็ดเหล่านี้ได้

ดินมะละกอ

โดยทั่วไปแล้วในการเพาะเมล็ดมะละกอนั้น เกษตรกรอาจจะมีสูตรการผสมดินต่างๆให้ได้คุณภาพ ตามแบบอย่างเฉพาะตัวของแต่ละคน ทั้งนี้หากเป็นมีใหม่ เกษตรกรอื่นๆ ได้ให้คำแนะนำเบื้องต้นเอาไว้ดังต่อไปนี้

ดิน 3 ส่วน, ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ 1 ส่วน, ขี้เถ้าแกลบ 2 ส่วนและขุยมะพร้าว 1 ส่วนจากนั้นผสมให้เข้ากันเพื่อเตรียมใช้สำหรับใส่ในภาชนะเพาะพันธุ์ต้นกล้าต่อไป

มะละกอ สามารถเพาะได้ง่ายๆ ให้ผลผลิตไว

ขั้นตอนการเพาะเมล็ดมะละกอให้เป็นต้นกล้าสำหรับปลูกต่อไป มีแนวทางพื้นฐานดังนี้

  1. แช่เมล็ดมะละกอเอาไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง ทั้งนี้ควรใช้นำอุ่นอุณภูมิ ประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียส เมื่อครบกำหนดเวลาให้คัดเมล็ดที่ลอยน้ำทิ้งไป
  2. ใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าผ้าขาวบาง ห่อเมล็ดทิ้งเอาไว้อีกประมาณ 2 – 3 วัน หรือจะใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้แน่นมิดชิดทิ้งไว้ 5 – 7 วัน ก็ได้ ทั้งหากสังเกตุเห็นเมล็ดเริ่มแตกออกและมีรากงอกออกมา ก็ถือว่าเมล็ดเหล่านั้นพร้อมที่จะนำไปเพาะลงในภาชนะได้ทันที
  3. จากนั้นนำเมล็ดลงใส่ในภาชนะสำหรับการเพาะปลูกที่มีดินผสมใส่เอาไว้อยู่ก่อนแล้วตามที่ต้องการ ทั้งนี้ควรขุดหลุมลึกประมาณ 1 เซนติเมตรก่อนใส่ที่จะใส่เมล็ดพันธุ์ลงไป
  4. สามารถใช้นำยาป้องกันเชื้อราหรือป้องกันโคนเน่า ฉีกพ่นลงไปได้
  5. เมื่อกลบดินแล้วรดน้ำให้ชุ่ม ทั้งนี้ควรรดวันละประมาณ 1 – 2 ตามความเหมาะสม ทั้งเช้าและเย็น
  6. เมื่อต้นกล้า อายุประมาณ 18 – 25 วัน ใส่ปุ้ยคอกหรือปุ๋ยหมักอินทรีย์ลงไปตามที่ต้องการ

7.อายุต้นกล้าเฉลี่ย ประมาณ 40 – 50 วัน หรือสังเกตุว่าแข็งแรงดีแล้ว ก็สามารถย้ายไปปลูกลงในพื้นที่ต่างตามที่ต้องการ หรือจะนำต้นพันธุ์ไปขายสร้างรายได้อีกทางก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

 

สำหรับกรณีย้ายต้นกล้าต้นกล้าลงแปลงนั้นควรเว้นระยะห่างประมา 3 x 3 เมตร หรือ 3 x 4 เมตรก็ได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้มะละกอเจริญเติบโตในระยะที่แออัดหรือหนาแน่นเกินไปนัก

 

ในส่วนของการดูแลนั้นมะละกอเป็นพืชที่เลี้ยงง่าย โตไว และให้ผลลิตจำนวนมาก เพียงแค่หมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ย และอาจจะใช้น้ำยาป้องกันแมลงหรือโรคพืชต่างๆรวมด้วยในบ้างครั้ง เพียงเท่านี้มะละกอก็จะสามารถเจริญเติบโต โดยมีระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเพาะพันธุ์จนถึงออกผลนั้นจะใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 4 -8 เดือน ผลผลิตรุ่นแรกก็จะผลิดอกออกผลมา ให้กับผู้ที่เพาะปลูกได้เก็บเกี่ยวผลผลิตเหล่านั้นไปใช้ได้ตามที่ต้องการ  และด้วยความดีงามทั้งหมดนี้จึงทำให้มะละกอนั้น จัดเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่จะให้ผลลัพธ์ในการตอบแทนกับผู้ที่ลงทุนลงแรงเพาะปลูกเอาไว้ ในระดับที่ดีรวมถึงสร้างผลกำไรให้คืนกลับมาได้อย่างมากมายเลยทีเดียว

 

 

 

 

Recommended Articles