มะม่วง ผลไม้สารพัดประโยชน์ เพาะง่ายให้ผลผลิตดี

มะม่วง ผลไม้สารพัดประโยชน์ เพาะง่ายให้ผลผลิตดี

มะม่วง ผลไม้สารพัดประโยชน์ เพาะง่ายให้ผลผลิตดี

 

มะม่วงถือเป็นอีกหนึ่งพืชผลทางการเกษตรที่เป็นแนวทางเลือกที่ดีสำหรับเกษตรกร เนื่องจากมีตลาดรองเสมอทั้งในและนอกประเทศ อีกทั้งยังให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ขายออกเป็นสินค้าสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรตั้งแต่เริ่มเป็น ต้นพันธุ์, ผลดิบ, ผลสุก นอกจากนั้นผลไม้ชนิดนี้ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นสินค้าอื่นๆได้อย่างหลากหลาย อันจะสามารถพบเห็นผลิตเหล่านี้ได้จากทุกพื้นทั่วไปในท้องตลาด นับว่าพืชชนิดนี้เมื่อปลูกแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า มากมายสารพัดประโยชน์เลยทีเดียว

มะม่วงนั้นสามารถปลูกหรือขยายพันธุ์ได้โดยง่าย เนื่องจากพืชชนิดนี้เจริญเติบโตได้ดีในทุกพื้นที่และทุกสภาพอากาศ ทั่วทั้งประเทศนอกเหนือไปจากการปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตทางเกษตรไปขายแล้ว คนไทยยังนิยมปลูกพืชชนิดนี้ไว้ในบ้านเพื่อให้ร่มเงา และเมื่อถึงฤดูกาลก็ยังสามารถเก็บผลผลิตที่ได้มาใช้รับประทานหรือแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ ได้อีกด้วย โดยสายพันธุ์มะม่วงที่นิยมปลูกในประเทศไทยนั้นมีอยู่หลากหลายทั้งแบบรับประผลสุกเช่น อกร่อง, น้ำดอกไม้, ทองดำ และแบบรับประทานผลดิบเช่น ฟ้าลั่น, เขียวเสวย, แก้ว, พิมเสนมัน, แรด เป็นต้น 

อย่างไรก็ตามการจะเลือกเพาะปลูกหรือขยายพันธุ์มะม่วงนั้น ผู้ที่สนใจจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในพื้นฐานต่างๆ ระดับหนึ่งก่อน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศหรือพื้นดินที่เหมาะสม เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้การลงทุนที่ทำไปเสียเปล่า รวมถึงจะทำให้ได้มาซึ่งผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภคนั้นนั่นเอง

สำหรับวิธีการปลูกนั้นเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ดให้ได้พันธุ์ที่ดีที่สุดเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยเริ่มการขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่นๆ ถึงแม้การเพาะเมล็ดมะม่วงนั้นจะได้ผลผลิตได้ช้ากว่าวิธีอื่นๆ แต่หากเริ่มต้นการสร้างต้นพันธุ์ด้วยวิธีและกระบวนการเช่นนี้ จะทำให้เกษตรกรหรือผู้ที่เพาะปลูกได้ต้นพันธุ์ที่ดีมีความแข็งแรง รวมไปถึงก่อให้เกิดผลผลิตที่มีคุณภาพในระดับสูงนั่นเอง

ขั้นตอนการเพาะเมล็ดมะม่วง

  1. หาเมล็ดพันธุ์ที่มีลักษณะดีจากผลแก่จัดของต้นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพผลผลิตระดับสูง ไม่ฟ่อหรือมีรอยกัดแทะของแมลง
  2. ใช้มีดหรือกรรไกรตัดบริเวณปลายของเมล็ดออกเล็กน้อย จากนั้นฉีกเอาเปลือกหุ้มด้านนอกของเมล็ดออก เตรียมนำเมล็ดที่อยู่ด้านในอีกทีไปทำการเพาะพันธุ์
  3. เมล็ดมะม่วงที่ได้มา ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานเกิน 1 อาทิตย์ จะทำให้อัตราการงอกของต้นกล้าลดน้อยลง
  4. นำเมล็ดด้านในที่ได้ไปแช่น้ำ เพื่อคัดเมล็ดที่ลอยน้ำทิ้งไปเพาะอาจจะไม่สำเร็จในการเพาะพันธุ์ให้เกิดรากงอกออกมา
  5. เตรียมดินผสมใหได้ตามสูตที่ต้องการของแต้ละคน ทั้งนี้หากไม่มีสูตร เกษตรผู้ที่เคยเริ่มเพาะปลูกมาก่อนแนะนำให้ใช้ดินผสมขี้เถ้าแกลบ สัดส่วน 1: 1 และผสมปุ้ยคอกหรือปุ้ยอินทรีย์ต่างๆตามที่มีลงไป
  6. เตรียมดินที่ผสมไว้แล้วใส่ในภาชนะที่ต้องการเพาะ ทั้งนี้หากทำจำนวนน้อยอาจใช้ถุงปลูก หรือกระถางก็ได้ แต่หากทำจำนวนมากอาจะต้องใช้ภาชนะขนาดใหญ่ขึ้นเช่นกระบะสำหรับการเพาะพันธุ์โดยตรง หรือกระบะขนาดใหญ่ ขุดหลุมให้ลึกประมาณ 1-2 นิ้ว แล้ววางเมล็ดลงไปในลักษณะหงายขึ้น เอียงทำมุมกับพื้นดินประมาณ 45 องศา ก่อนจะกลบดินปิดทับลงไป แล้วลดน้ำให้ชุ่ม
  7. ในกรณีเพาะลงในแปลงหรือพื้นที่เพาะพันธุ์ ที่ไม่ใช้ภาชนะ ควรเว้นระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 6 – 8 นิ้ว เพื่อให้ต้นกล้าได้เจริญเติบโตโดยไม่แออัดเกินไป

มะม่วง ผลไม้สารพัดประโยชน์ เพาะง่ายให้ผลผลิตดี

ในส่วนของการดูแลนั้นเพียงแค่รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ มีร่มเงาบังแดดให้ภาชนะหรือพื้นที่เพาะปลูกพอสมควรตามความเหมาะสม ใช้เวลาประมาณ 5 – 7 วัน เมล็ดจะเริ่มงอกออกมาอย่างสมบูรณ์ จากนั้นให้ต้นกล้ามีอายุประมาณ 3 – 4 เดือนจึงเริ่มย้ายไปใส่ในภาชนะสำหรับปลูกหรือ

ลงในพื้นที่ทางการเกษตรตามที่ต้องการ ทั้งนี้อาจจะนำออกขายเป็นต้นกล้าสร้างรายให้ให้กับเกษตรได้ตั้งแต่ในช่วงนี้ โดยไม่จำเป็นต้องหวังผลผลิตจาแค่ผล เพียงอย่างเดียว จึงถือได้ว่าการเลือกเพาะพันธุ์หรือปลูกมะม่วงเพื่อใช้ทางการเกษตรนั้น จัดเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง ที่จะให้ผลผลิตและการตอบรับจากตลาดในระดับสูง เกิดเป็นรายได้กลับคืนมาสู่ตัวผู้ที่ลงทุนลงแรงไปกับพืชผลทางการเกษตรชนิดนี้อย่างคุ้มค่าและมหาศาลเลยทีเดียว

 

 

 

 

 

Recommended Articles